4 เหตุผลที่ทำ Re-Targeting แต่ก็ยังขายไม่ได้

ในการเรียน Digital Marketing สิ่งที่ต้องพูดถึงคือการตลาดแบบ Re-targeting
ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว
มันคือกลยุทธ์การตลาดแบบหนึ่งที่จะช่วยให้โฆษณาของคุณยิงไปหากลุ่มเป้าหมายได้ตรงยิ่งขึ้น
แต่บางท่านที่ทำมาได้สักพักก็ยังเจอกับปัญหาเดิมๆ นั่นคือยังขายของไม่ได้
ทั้งๆ ที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นคนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์แล้วแท้ๆ

วันนี้ผมจะมาอธิบายเหตุผล 4 ข้อว่าทำไมยอดขายของคุณจึงไม่เพิ่มขึ้น
ลองอ่านดูนะครับว่าคุณเข้าข่ายหนึ่งในสี่ข้อนี้หรือเปล่า

1.หน้าเว็บที่คุณใช้เก็บกลุ่มเป้าหมายมีเนื้อหาไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณเสนอขาย
อย่างที่รู้ว่าหลักการทำ Re-targeting นั้น ก่อนจะเสนอขายคุณต้องเก็บกลุ่มเป้าหมายซะก่อน
ซึ่งกลุ่มเป้าหมายก็คือคนที่เข้าชมเว็บไซต์ของคุณทั้งหมด หรือเพียงหน้าใดหน้าหนึ่ง
ทีนี้มันจะเกิดปัญหาที่ทำให้สินค้าขายไม่ได้หรือขายไม่ได้เท่าที่ควร
ในกรณีที่หน้าเว็บที่คุณใช้เก็บกลุ่มเป้าหมายนั้น มีเนื้อหาไม่ตรงตามสินค้าที่คุณเสนอขาย

ยกตัวอย่างว่าคุณลง content เกี่ยวกับวิธีรักษาฝ้าในหน้าเว็บที่ใช้เก็บกลุ่มเป้าหมาย
แน่นอนว่าคนที่เข้ามาอ่าน content จะต้องเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องฝ้า
แต่ถ้าเกิดคุณดันใช้กลุ่มเป้าหมายนี้ในการยิง Ads เรื่องครีมรักษาสิว
ก็ไม่แปลกเลยครับว่าทำไมถึงขายไม่ได้

เบื้องต้นเป็นแค่กรณีที่ยกตัวอย่างขึ้นมาเฉยๆ นะครับ
ผมแค่อยากให้คุณเช็คดูให้แน่ใจว่าเนื้อหาในเว็บไซต์
กับสิ่งที่คุณเสนอขายออกไปนั้นมีความสอดคล้องกันจริงๆ
ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นการสัญเสียค่าโฆษณาไปฟรีๆ เลยล่ะครับ

2.คุณกำหนดช่วงเวลาย้อนหลังไว้นานเกินไป
ในการสร้าง Website Custom Audience คุณสามารถระบุได้
ว่าจะยิง Ads ไปหาคนที่เข้าเว็บของคุณมาแล้วไม่เกินกี่วัน
โดยตามลิมิตของ Facebook ให้ไว้ไม่เกิน 180 วัน ซึ่งผมว่ายังนานเกินไป
180 วันนี่มันเท่ากับ 6 เดือนเชียวนะครับ
สมมติว่าคุณเข้าเว็บๆ นึงเมื่อ 6 เดือนที่แล้วและไม่ได้เข้าไปอีกเลย
จู่ๆ โฆษณาของเว็บนั้นก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ถามจริงๆ ว่าคุณยังจะจำมันได้หรอ

ไม่แน่ในระหว่าง 6 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มเป้าหมายอาจจะซื้อสินค้าชนิดเดียวกันจากที่อื่นไปแล้วก็ได้
นั่นทำให้การยิง Ads ของคุณสูญเปล่ามากๆ ครับ
นอกจากจะไม่ได้ยอดขายแล้ว ยังเสียค่าโฆษณาไปฟรีๆ อีก

ดังนั้นคุณควรกำหนดช่วงเวลาย้อนหลังไม่ให้นานเกินไป
ถ้าถามความเห็นผม เต็มที่ผมให้ไม่เกิน 2 เดือนครับ หรือ 45 วันกำลังดี
แต่ก็อย่าน้อยไปกว่านั้น เพราะกลุ่มเป้าหมายของคุณจะแคบเกินไปนั่นเอง

3.Ads ของคุณไม่น่าสนใจพอ
ข้อนี้เป็นปัญหาหนักอกของการทำตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบเลยครับ
Ads ก็คือสิ่งเชิญชวนให้คนอยากซื้อสินค้า ถ้าหากมันไม่น่าสนใจหรือดึงดูดพอ ลูกค้าก็ไม่อยากซื้อ

แต่การทำตลาดแบบ Re-targeting จะดีกว่าหน่อย
ตรงที่อย่างน้อยกลุ่มเป้าหมายก็เคยสนใจในแบรนด์ของคุณมาก่อนครั้งหนึ่งแล้ว
Ads ที่ลงไปนั้นจึงต้องโน้มน้าวใจให้พวกเขากลับมาสนใจคุณอีกครั้งให้ได้
ศึกษาวิธีการสร้าง Ads ให้ดึงดูดใจได้จาก ที่นี่ เลยครับ

4.เนื้อหาที่ปรากฎในหน้าเว็บไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้ามองหาตั้งแต่แรก
ย้อนกลับไปพูดเรื่องเว็บไซต์ที่ใช้เก็บจำนวนกลุ่มเป้าหมายกันก่อนนะครับ
ถ้าหากพวกเขาเข้าเว็บของคุณ และพบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าจะได้
ความสนใจที่มีต่อแบรนด์ของคุณก็จะไม่เหลือ พวกเขาก็จะออกจากหน้าเว็บคุณทันที

และเมื่อคุณเริ่มทำการยิง Ads ไปหาคนกลุ่มนี้
ปัญหาที่ตามมาคือเขาจะไม่สนใจสินค้าคุณเลย
เพราะเขาไม่ได้สนใจแบรนด์คุณตั้งแต่แรกไงครับ

ถ้าเกิดกรณีนี้แค่ 3-5 คนมันก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
แต่ถ้าหากเกิดขึ้นมากๆ เป็นจำนวนหลักสิบหลักร้อยคน อันนี้แย่แน่ๆ ครับ

วิธีป้องกันคือคุณต้องดูให้แน่ใจว่า Keyword ที่คุณคีย์ลงไปในเว็บแต่ละหน้า
สัมพันธ์และสอดคล้องกับเนื้อหาข้างในจริงๆ มั้ย หรือแม้แต่ caption
หรือชื่อหัวข้อที่เชิญชวนให้คนคลิ๊กเข้าเว็บก็ต้องสัมพันธ์กับเนื้อหาในนั้นด้วย

เพราะการตั้ง Keyword ชื่อหัวข้อ และ Caption ที่ตรงกับเนื้อหา
จะเป็นการช่วยคัดกรองคนที่สนใจใน Topic นั้นจริงๆ
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือช่วยคัดกรองคนที่มีโอกาสสนใจในแบรนด์ของคุณนั่นเองครับ