Re-Targeting คืออะไร เหมาะกับธุรกิจแบบไหน

ผู้ที่ยังไม่เคยเรียน Digital Marketing หรือยังใหม่กับเรื่องนี้ อาจจะไม่เคยได้ยินคำว่า Re-targeting กันมาก่อน
แล้วมันคืออะไร? มีความสำคัญต่อผู้ทำ Online Marketing ขนาดไหน วันนี้เราจะไปดูพร้อมๆ กันครับ

ความหมายของ Re-targeting
คุณเคยเข้าเว็บขายของสักอย่าง แต่ไม่ตัดสินใจซื้อทันที
แล้วโฆษณา banner หรือ ads facebook ของแบรนด์นั้น
ก็โผล่ขึ้นมาให้คุณเห็นบ่อยๆ จนต้องกลับไปดูอีกรอบมั้ย
นั่นแหละครับคือการทำงานของ Re-targeting
ที่จะบันทึกข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณในฐานะผู้สนใจสินค้า
และโฆษณาของแบรนด์ก็จะย้อนกลับมาหาคุณเรื่อยๆ เพื่อตอกย้ำความสนใจคุณ

จากตอนแรกที่ไม่ซื้อ พอเห็นมากเข้าก็เริ่มใจอ่อนจนต้องควักเงินให้กับสินค้านั้นไป
หรืออย่างน้อยๆ ต่อให้ไม่ซื้อ คุณก็จะจำแบรนด์ได้เพราะมันโผล่ขึ้นมาบ่อยเหลือเกิน

ข้อดีของการทำ Re-targeting แน่นอนว่ามันยิงเข้าเป้าได้ตรงกลุ่มมาก
เพราะมันจะติดตามแต่คนที่เคยให้ความสนใจกับแบรนด์ของคุณจนถึงกับคลิ๊กเข้าชมเว็บไซต์
ระบบจะส่งโฆษณาไปกระตุ้นเตือนความจำให้พวกเขาไม่ลืมแบรนด์ของคุณ
คล้ายเชิญชวนหน่อยๆ ว่า… เรามาอยู่ตรงนี้แล้ว จะไม่ซื้อจริงๆ หรอ?
จึงไม่แปลกเลยครับว่าทำไมคนทำ E-Commerce ส่วนใหญ่จะใช้การตลาดแบบนี้กัน

เหมาะกับธุรกิจแบบไหน
เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ที่มีเว็บไซต์ครับ
เพราะอย่างที่บอกว่าจะต้องให้ลูกค้าเข้าเว็บเราก่อน เราถึงติดตามและยิงโฆษณาไปหาเขาได้

แต่สำหรับคนที่ทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มของ facebook โดยไม่มีหน้าเว็บ
จริงๆ มันก็ทำได้ครับ แต่คุณต้องไปตามล่าหาอีเมลที่ลูกค้าใช้จริงมาป้อนลงไป
ย้ำว่าต้องเป็นอีเมลที่ใช้จริงนะครับ เพราะถ้าเป็นอีเมลปลอมระบบจะฟ้องว่าเป็นสแปมทันที

นอกจากนี้ก็ยังสามารถทำ Re-targeting กับคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนเพจได้เหมือนกัน
อย่างเช่นคนที่เข้าชมวีดีโอของคุณ เป็นต้น

การสร้าง Re-targeting บน Facebook
ในเครื่องมือ Ads Manager ของ Facebook
จะมีกลุ่มเป้าหมายชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Custom Audience
ที่จะช่วยคัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่ Ads จะแสดงผลให้แคบและตรงกลุ่มมากขึ้น
หรือก็คือเครื่องมือที่ช่วยทำ Re-targeting บน Facebook นั่นเองครับ

แต่ก่อนจะพูดถึงเจ้าเครื่องมือนี้ ผลขอพูดถึง Facebook Tracking Pixels ก่อน
Facebook Tracking Pixels คือโค้ดที่นำไปฝังไว้บนเว็บไซต์หน้าใดหน้าหนึ่ง
ซึ่งโค้ดนี้แหละครับที่เป็นเหมือนเครื่องดักจับ
ว่าใครบ้างที่กดลิงค์เข้ามายังเว็บนั้นผ่านแพลตฟอร์มของ facebook
มันก็จะรวบรวมข้อมูลนี้และจดจำว่าคนกลุ่มนี้คือคนที่สนใจแบรนด์ของเรา (เพราะเขาคลิ๊กเข้าเว็บ)

จากนั้นเมื่อคุณจะเริ่มยิงโฆษณาออกไป คุณก็ใช้ Website Custom Audience
แล้วกำหนดค่าไปว่า คนที่เคยเข้ามาหน้านี้คือกลุ่มเป้าหมายของคุณ
ทีนี้โฆษณามันก็จะยิงไปหาคนกลุ่มนั้นให้กลับมาซื้อของ
หรือจะเสนอโปรโมชั่น หรือกิจกรรมต่างๆ ให้กับพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องผิดครับ

ขอยกตัวอย่างเพื่อความเข้าใจง่ายๆ นะครับ
สมมติว่าคุณทำแบรนด์เกี่ยวกับอาหารแมว
คุณก็ทำ Content ดีๆ เกี่ยวกับสารอาหารที่แมวควรจะได้รับมาสักหนึ่งเรื่อง
จากนั้นคุณก็ฟัง Facebook Tracking Pixels ลงไป
แล้วรอให้ระบบทำการเก็บ Pixels หรือจำนวนคนที่เข้าสู่หน้าเว็บของคุณ

จากนั้นเมื่อคุณเริ่มจะยิง Ads เพื่อส่งเสริมหารขายผลิตภันฑ์อาหารแมว
คุณก็แค่เพียงเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็น Website Custom Audience
และใส่ลิงค์ Content เรื่องสารอาหารที่คุณทำไว้ลงไป
โฆษณาก็จะยิงออกไปหาคนที่เคยอ่าน Content ของคุณแล้วล่ะครับ

พอจะมองเห็นประโยชน์ของการทำ Re-targeting แล้วใช่ไหมครับ
ครั้งหน้าผมจะมาเสนอบทความดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันนะครับ